ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวันศุกร์ที่ผ่านมาปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 18.26 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคำได้รับแรงหนุนจาก 2 ประเด็นหลัก ได้แก่ (1.) ทัศนะเชิงลบเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ หลังจากเจ้าหน้าที่ของจีนได้ประกาศยกเลิกการเดินทางไปเยือนฟาร์มสหรัฐ และเดินทางกลับจีนก่อนกำหนดการเดิม ประกอบกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาระบุว่า ไม่มีความจำเป็นที่เขาจะต้องบรรลุข้อตกลงทางการค้ากับจีนก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีหน้า อีกทั้งเขายังไม่ต้องการทำข้อตกลงบางส่วนกับจีน โดยหวังทำข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าเชิงลบที่บ่งชี้ถึงความไม่ลงรอยกันระหว่างสองฝ่าย (2.) สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐและอิหร่าน หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สั่งการให้มีการคว่ำบาตรในระดับสูงสุดต่อธนาคารกลางอิหร่าน ซึ่งทั้ง 2 ประเด็นเป็นปัจจัยกดดันการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง และกระตุ้นแรงซื้อสอนทรัพย์ปลอดภัยทั้งเงินเยน, ฟรังก์สวิส และทองคำ อย่างไรก็ดี ดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้นต่อเนื่องหลังการประชุมเฟด ยังคงเป็นปัจจัยสกัดช่วงบวกของราคาทองคำ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำเพิ่มในวันศุกร์ +10.55 ตัน สำหรับวันนี้ติดตามการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิก
แม้ว่าราคาจะดีดตัวขึ้นแต่ก็มีแรงขายทำกำไรสลับออกมา เบื้องต้นหากราคาทองคำทดสอบแนวต้านที่ 1,518-1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่ยังไม่สามารถผ่านได้ ซึ่งนักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังแรงขายทำกำไร อย่างไรก็ตามหากการอ่อนตัวลงของราคาไม่หลุดโซนแนวรับ 1,503 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แสดงว่าแรงซื้อเพิ่มสูงขึ้นจากช่วงก่อนหน้าและราคาพยายามทรงตัวในระดับสูง
กลยุทธ์การลงทุน
หากราคาอ่อนตัวลงไปก่อนให้พิจารณาบริเวณ 1,503 ดอลลาร์ต่อออนซ์เป็นจุดเสี่ยงเปิดสถานะซื้อ แต่หากหลุดโซนดังกล่าวแนะนำให้ชะลอการเข้าซื้อเพื่อรอดูการตั้งฐานของราคา สำหรับสถานะขายระยะสั้นพิจารณาเปิดสถานะในบริเวณ 1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์ (ตัดขาดทุนหากยืน 1,524 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้)
Add new comment